วัคซีนวัณโรค/วัคซีน BCG

8211

วัคซีนวัณโรค หรือที่เรียก วัคซีน BCG เป็นวัคซีนที่ประกอบด้วยเชื้อวัณโรคที่ยังมีชีวิตที่ชื่อ Bacille Calmette-Guerin แต่เป็นเชื้อที่ทำให้อ่อนกำลังแล้วจึงไม่ก่อโรคแต่อย่างใด ชื่อของวัคซีนถูกตั้งให้เป็นอนุสรณ์แก่ผู้คิดค้นวัคซีนที่ย่อมาจาก Bacillus Calmette-Guerin Vaccine

วัคซีนวัณโรค หรือ วัคซีน BCG เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว วัคซีนจะเข้ากระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่มีเฉพาะต่อเชื้อ Bacille Calmette-Guerin ซึ่งมีอายุของภูมิคุ้มกันนานหลายปี หากเมื่อร่างกายได้รับเชื้อวัณโรคตามธรรมชาติที่สามารถก่อวัณโรคนั้น ร่างกายจะสามารถต้านการเกิดวัณโรคได้

ชนิดของวัคซีนวัณโรค
วัคซีนวัณโรคที่่ใช้ในปัจจุบันจะเป็นวัคซีนชนิดผงแห้ง มีความทนต่อความร้อนได้ดี และเก็บรักษาได้นาน

ส่วนประกอบของวัคซีน
วัคซีนขนาด 1 มล. จะประกอบด้วยเชื้อวัณโรคหนักประมาณ 0.1-1.0 มก. หรือมีจำนวนเชื้อประมาณ 2-10 ล้านตัว/มล.

วัคซีนวัณโรค

ขนาดบรรจุ
วัคซีนวัณโรคชนิดผงแห้งในประเทศไทยมีขนาดบรรจุขวดละ 10 โดส เพื่อใช้ผสมกับน้ำกลั่นปริมาตร 1 มล.

ขนาด และวิธีใช้
การให้วัคซีนวัณโรคจะใช้วิธีฉีดเข้าใต้ผิวหนัง บริเวณกล้ามเนื้อส่วนบนของต้นแขน ขนาดวัคซีนที่ฉีด 0.1 มล. ในทุกวัย

แบ่งเข็มฉีดเป็น 2 ประเภท คือ
1. เข็มเบอร์ 26 G 1/2 นิ้ว หรือ เบอร์ 27 G 1/2 นิ้ว  ใช้กระบอกฉีดพลาสติก ขนาดกระบอกฉีด 1.0 มล. เป็นเข็มฉีด และกระบอกฉีดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บรรจุรวมกัน

2. เข็มเบอร์ 26 G 1/2 นิ้ว หรือ เบอร์ 27 G 1/2 นิ้ว  ใช้กระบอกฉีดพลาสติก ขนาดกระบอกฉีด 1.0 มล. เป็นเข็มฉีด และกระบอกฉีดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บรรจุแยกกัน โดยกระบอกฉีดอาจเป็นพลาสติกหรือแก้ว ที่มีแกนกระบอกเป็นเหล็ก สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ โดยต้องผ่านการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อก่อน

วิธีผสมวัคซีน
ผงวัคซีนจะบบรจุภายในขวดที่ใช้สำหรับเตรียม โดยขวดจะมีจุกยางอ่อนปิดไว้ด้านบน ก่อนเปิดจุกยาง ให้ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ทาเช็ดที่จุกยางก่อน หลังจากนั้นใช้เข็มดูดน้ำกลั่นจำนวน 1.0 มล. หยดลงในขวด พร้อมเขย่าเบาๆ ให้ผงวัคซีนละลายจนหมด

เมื่อวัคซีนละลายหมดแล้ว ให้ดูดมาฉีดทันทีหรือหากยังไม่ใช้ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นหรือในกระติกน้ำแข็งก่อน และต้องเก็บไม่ให้สัมผัสกับแสง ก่อนใช้ต้องเขย่าทุกครั้ง เพื่อให้วัคซีนกระจายตัว

สำหรับกระบอกฉีดที่ใช้หลายครั้ง ต้องทำความสะอาด และอบให้แห้ง ก่อนใช้ให้ดูดวัคซีนเพียงเล็ก และพ่นล้างออกก่อน

อาการหลังการฉีด
หลังจากฉีดดันสารละลายวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง ผิวหนังจะโป่งนูนจนมองเห็นรูขุมได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผิวหนังที่โป่งนูนจะยุบหายไป คงเหลือให้เห็นผิวหนังบริเวณที่ฉีดเป็นจุดแดงๆ และ 2-3 จุดแดงนี้จะค่อยๆหายไป

หลังการฉีดประมาณสัปดาห์ที่ 2-3 จุดที่ฉีดวัคซีนจะเกิดตุ่มแดงเม็ดเล็กๆ คล้ายกับฝีเกิดขึ้น ตุ่มนี้จะมีหนอง มีอาการปวดเล็กน้อย และต่อมาตุ่มนี้จะแตก และเปิดออกเป็นแผลขนาดเล็ก แต่แผลนี้จะค่อยๆแห้ง และหายเป็นปกติภายใน 3-4 สัปดาห์

สำหรับผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนวัณโรคมาก่อน อาการที่เกิดหลังการฉีดที่กล่าวมาข้างต้น จะเกิด และหายเร็วกว่าผู้ที่เข้ารับการฉีดครั้งแรก โดยตุ่มแดงจะเกิดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังการฉีด แต่อาการปวด และขนาดบาดแผลจะรุนแรงกว่าเล็กน้อย และจะค่อยๆหายเอง กลายเป็นรอยแผลขนาด 6-8 มม. ทุกคน

ข้อแนะนำ
1. หลังจากเข้ารับการฉีดจะต้องรักษาผิวหนังบริเวณที่ฉีดให้สะอาด โดยใช้สำลีชุบน้ำร้อนเช็ดบริเวณจุดฉีดหรือตุ่ม หรือบริเวณบาดแผลทุกวัน

2. แผลหลังจากตุ่มแตกจะเกิดการเปิด-ปิด ของแผลอยู่ 3-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาทาแผลหรือใช้ผ้าปิดแผล เพียงแค่ใช้สำลีชุบน้ำร้อนเช็ดทุกวันเท่านั้นก็หายเป็นปกติ

3. บางรายอาจเกิดต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้กับจุดฉีดบวมโต หรืออักเสบ หากอาการรุนแรงให้รีบเข้าปรึกษาแพทย์ทันที

การเกิดภูมิคุ้มกัน
ภายหลังการฉีดวัคซีน ร่างกายจะค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อเชื้อวัณโรค และจะมีภูมิต้านทานเต็มที่ภายในระยะเวลา 2 เดือน หลังการฉีด ซึ่งจะสามารถป้องกันการเป็นวัณโรคปฐมภูมิทั้งชนิดทั่วไป และชนิดวัณโรคเยื่อหุ้มสมอง และไขกระดูกสันหลังได้นานหลายปี แต่จากการศึกษา พบว่า วัณโรคปอดที่เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หลังการได้รับวัคซีนจะสามารถป้องกันได้เพียงร้อยละ 53 เท่านั้น

อายุ และการเก็บรักษาวัคซีน
ผงวัคซีนวัณโรคที่ยังไม่ได้ใช้มีอายุการเก็บรักษาประมาณ 2 ปี นับจากวันที่ผลิต ซึ่งต้องเก็บไว้ในตู้เย็น อุณหภูมิ 4-8 °C และต้องเก็บไม่ให้สัมผัสกับแสงหรือความร้อน ส่วนวัคซีนที่ทำการผสมน้ำกลั่นแล้วจะต้องใช้ให้หมดภายในเวลา 2 ชั่วโมง