การต่อเล็บ และวิธีต่อเล็บ

10139

การต่อเล็บ หมายถึง การเสริมต่อเล็บให้ยาวขึ้นด้วยสารเลียนแบบที่ให้ลักษณะคล้ายกับเล็บ ได้แก่ พลาสติก ไฟเบอร์กลาส และอะครีลิค เป็นต้น แต่ปัจจุบันนิยมใช้พลาสติก อะครีลิค และเจล สำหรับการต่อเล็บเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ราคาถูก และได้เล็บเทียมที่คล้ายคลึงกับเล็บแท้มาก รวมถึงง่าย และสะดวกในการทำ

การต่อเล็บ เริ่มจากภาวะทั่วโลกเศรษฐกิจทั่วโลกที่มาจากผลพวงของสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ผู้คนเกิดความเครียด และในบางประเทศเกิดพฤติกรรมการกัดเล็บ ต่อมาจึงมีผู้คิดค้นแก้ไขแก่ผู้ที่มีปัญหาด้านเล็บ ด้วยการนำอะครีลิกมาทดลองใช้ตกแต่งซ่อมแซมเล็บจนได้ผลสำเร็จในเวลาต่อมาทำให้ช่วยแก้ปัญหาของเล็บต่างๆได้ดี รวมถึงช่วยให้เลิกพฤติกรรมการกัดเล็บได้ เพราะเล็บเทียมนี้มีความแข็งแรงมาก กัดให้ฉีกขาดได้ยาก

%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%9a

วิธีต่อเล็บ
1. การต่อเล็บด้วยพลาสติก (tip)
การต่อเล็บด้วยพลาสติก เป็นการนำเล็บพลาสติกติดบนเล็บจริงด้วยกาวสำหรับติดเล็บ หรือเทปสองหน้าชนิดบาง เป็นการต่อเล็บด้วยการใช้พลาสติกแทนที่จะเป็นอะคริลิคหรือเจล ซึ่งปัจจุบันมีเล็บพลาสติกให้เลือกมากมายทั้งที่ไม่มีสี และที่มีลายสำเร็จ

2. การต่อเล็บด้วยไฟเบอร์กลาส (fiberglass)
การต่อเล็บด้วยไฟเบอร์กลาส เป็นการติดเล็บพลาสติกชนิดที่ติดตั้งแต่กลางเล็บจนถึงปลายเล็บบนเล็บจริง ตัดเล็บพลาสติกให้ได้ความยาวตามต้องการตะไบหน้าเล็บทั้งหมด ทาเจล 1 ชั้น วางแผ่นไฟเบอร์กลาส ซึ่งมีลักษณะเหมือนตาข่ายทับบนเล็บ ทากาวทั้งเล็บ ทาเจลเคลือบ 1 ชั้น ฉีดน้ำยาเร่งปฎิกริยาให้แห้งเร็ว และตะไบเล็บเป็นขั้นตอนสุดท้าย

3. การต่อเล็บด้วยลินิน (linin)
การต่อเล็บด้วยลินิน เป็นการต่อเล็บที่ใช้หลักการเดียวกับการต่อเล็บด้วยไฟเบอร์กลาส แต่ใช้ลินินแทนไฟเบอร์กลาส

4. การต่อเล็บด้วยไหม (silk)
การต่อเล็บด้วยไหม เป็นการต่อเล็บที่ใช้หลักการเดียวกับการต่อเล็บด้วยไฟเบอร์กลาส แต่ใช้เส้นไหมแทนไฟเบอร์กลาส แต่การต่อเล็บทั้ง 3 แบบที่ กล่าวมาข้างต้นจะมองเห็นเส้นของไฟเบอร์กลาส ไหม หรือลินิน จึงมีข้อจำกัดในการทาเล็บ เช่น ไม่สามารถต่อเล็บให้สวนประณีตได้ ทำให้คนทั่วไปไม่นิยมเสริมต่อเล็บด้วยวิธีดังกล่าวนี้

5. การต่อเล็บด้วยอะครีลิค (acrylic)
การต่อเล็บด้วยอะครีลิค เป็นการต่อเล็บด้วยวัสดุที่มีลักษณะเป็นผง polymer ผสมกับน้ำยา monomer เมื่อรวมกันจะแข็งตัวเป็นแผ่นพลาสติกชนิดแข็งบนเล็บ และยื่นยาวออกไปตามลักษณะที่เสริมต่อ

6. การต่อด้วยเจล (gel)
การต่อด้วยเจล เป็นการต่อเล็บด้วยเจล ที่มีลักษณะเป็นของเหลวข้น หนืดเหนียว แข็งตัวเป็นแผ่นเมื่อสัมผัสกับแสง UV

ประโยชน์การต่อเล็บ
1. ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่มีเล็บงุ้มงอ เล็บไม่ตรง เล็บโค้งขึ้น เล็บเอียง เล็บสั้น หรือเล็บแบนเกินไป ให้เล็บมีสมบูรณ์ตามธรรมชาติ และมีความสวยงามมากขึ้น
2. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเล็บมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เล็บบางมากซึ่งไม่สามารถไว้เล็บยาวได้ อาจเคลือบด้วยอะครีลิกหรือเจลบนเล็บที่มีอยู่เดิมโดยไม่ต้องเสริมต่อเล็บเพิ่มความยาว
3. ช่วยให้สีทาเล็บติดทนนานได้ 2-3 สัปดาห์ ในกรณีที่เป็นเล็บมือ ส่วนเล็บเท้าอาจอยู่ได้นาน 4-5 สัปดาห์
4. สามารถวาดลวดลายอย่างที่ต้องการ เนื่องจาก เล็บมีเนื้อที่มากขึ้น และสวยกว่าการวาดลงบนเล็บจริง เพราะพื้นที่เรียบกว่า
5. ช่วยให้นิ้ว และเล็บสวย แลดูเรียวยาวมากขึ้น
6. ช่วยให้รู้สึกเกิดความมั่นใจในการทำงาน เกิดความมั่นใจในการแสดงทางมือ รวมถึงช่วยให้สามารถทำกิจกรรมโดยไม่ต้องกังวลว่าเล็บจะเป็นอันตราย เพราะเล็บมีความแข็งแรงกว่าเล็บจริง และสามารถทำขึ้นใหม่ได้
7. ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ โดยเฉพาะบุคลิกภาพที่แสดงออกทางมือ และนิ้ว เพราะเกิดความมั่นใจมากขึ้น
8. ช่วยแก้ปัญหาผู้ที่ชอบกัดเล็บ ฉีกเล็บ เล็บหัก เพราะเล็บอะครีลิกมีความแข็งแรงกว่าเล็บจริง จึงกัดให้แตกหรือหักได้ยากหรือหากกระทบกระแทกก็หักยาก