ปัญหาผิวพรรณ

8551

ปัญหาผิวพรรณ ถือเป็นปัญหาที่วัยหนุ่มสาวหรือผู้รักสวยรักงามให้ความสำคัญมาก เนื่องจากผิวพรรณของร่างกายเป็นสิ่งสะท้อนถึงความสวยงาม และการมีบุคลิกภาพที่ดีต่อคนขอบข้าง แต่ผิวพรรณของแต่ละคนจะมีปัญหาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งนี้ ปัญหาผิวพรรณที่พบได้บ่อย คือ

1. โรคผิวหนังจากเชื้อรา
เชื้อราหลายชนิดทำให้เกิดโรคผิวหนังในบริเวณต่างๆของร่างกายได้ โดยเฉพาะผิวหนังที่อยู่ภายนอกที่สามารถมองเห็นได้ง่ายตามใบหน้า แขน ขา ลำตัว เป็นต้น ปัญหาจากเชื้อราที่พบมากบริเวณผิวหนัง ได้แก่ กลาก เกลื้อน ชันตุ น้ำกัดเท้า ซึ่งมักเกิดในบริเวณต่างๆ

ปัญหาที่หนังศรีษะมักพบโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ชันตุ เป็นสาเหตุทำให้หนังศรีษะอักเสบ เป็นตุ่มหนอง เป็นขุย

ปัญหาผิวหนังบริเวณลำตัว แขน ขา รวมถึงใบหน้า พบโรคที่เกิดมาก คือ กลาก เกลื้อน ทำให้เกิดเป็นวงขาวที่เด่นชัดแตกต่างกับสีผิวโดยทั่วไป

ฝ่ามือฝ่าเท้ามักพบโรคน้ำกัดเท้าที่เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เป็นแผลอักเสบ

2. กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)
เป็นปัญหาผิวพรรณที่มีลักษณะของเนื้องอกบริเวณผิวหนังชั้นนอก พบมากในคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ลักษณะของโรคที่สำคัญ คือ จะมีตุ่มเนื้อ นูน สีน้ำตาล ขรุขระ บางรายอาจพบมีติ่งยื่นออกมา แต่ไม่มีอาการที่เป็นอันตรายใดๆ พบเกิดมากในบริเวณใบหน้า และลำตัว

กระเนื้อที่ใบหน้าหรือบริเวณนอกร่มผ้ามีส่วนทำให้ดูไม่สวยงาม การรักษานั้นสามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น การน้ำยาเคมี การใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า การใช้เลเซอร์ และการผ่าตัด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาด และลักษณะของก้อนกระ

ปัญหาผิวพรรณ

3. ผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic Dermatitis)
เป็นปัญหาผิวพรรณเรื้อรัง แต่สามารถป้องกัน และรักษาให้เป็นปกติได้ ปัญหาผิวพรรณชนิดนี้มักเกิดกับบริเวณกลางใบหน้าที่มีความมันมาก อาการที่พบมักจะเริ่มจากการเป็นขุยลอกเป็นหย่อมๆ เป็นสะเก็ด มีอาการคัน เป็นผื่นแดง รวมถึงมีอาการคันบริเวณอื่นๆร่วมด้วย ได้แก่ คิ้ว ข้างจมูก ซอกหู บางรายอาจพบอาการบริเวณหนังศรีษะที่เป็นผื่น และมีขุยลอกเหมือนรังแค บริเวณที่แห้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันน้อย เช่น บริเวณใบหน้าด้านข้างจะไม่พบอาการเหล่านี้

การรักษาจะใช้ยาต้านการอักเสบให้ทุเลาลงร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน หลังจากนั้นจะใช้ยาลดการแบ่งเซลล์เพื่อระงับลดอาการผื่นแดง และการลอกเป็นขุย เมื่ออาการทุเลาแล้วจะแนวทางการปฏิบัติเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดความมันบริเวณผิวหนังเป็นหลัก

4. ผื่นภูมิแพ้
เป็นอาการทางผิวหนังที่เกิดจากภูมิไวเกินของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ อาทิ สารก่อภูมิแพ้จากเกสรพืช จากสัตว์ จากยา จากสารเคมี และสิ่งแวดล้อม อาการที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะจำเพาะตามชนิดของสารก่อภูมิแพ้ แต่โดยส่วนมากจะพบอาการทางผิวหนังที่สำคัญ คือ การเป็นผื่นแดง และมีอาการคัน ซึ่งมักเกิดบริเวณแขน ขา ลำตัว และบนใบหน้า

การรักษาจะรักษาตามอาการทีเกิดบนผิวหนัง เช่น การใช้ยาต้านการอักเสบ ร่วมด้วยกับการหลีกเลี่ยงการับประทาน การสัมผัส และการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นๆ

5. สิว (Acne)
เป็นปัญหาของผิวพรรณที่เกิดบริเวณใบหน้าที่ทำให้เกิดความรำคาญ ความไม่สวยงาม ละน่าอาย เสียบุคลิกภาพ มักพบในวัยรุ่นมากที่สุดอันมาจากสาเหตุที่สำคัญ คือ การตอบสนองของผิวต่อฮอร์โมนที่หลั่งออกมาทำให้มีการกระตุ้นการสร้างต่อมไขมัน Sebum บริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งจะขับไขมันออกมาผ่านรูขุมขน แต่ในวัยนี้มักพบการอุดตันของรูขุมขนทำให้เกิดการติดเชื้อ และอักเสบเป็นสิว นอกจากนั้น ยังพบสิวที่สามารถเกิดได้ในวัยผู้ใหญ่อันมาจากสาเหตุหลายประการที่ไม่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น พันธุกรรม ฝุ่น และสารพิษ เป็นต้น

6. รูขุมขนกว้าง
เป็นลักษณะของรูขุมขนบนใบหน้ามีลักษณะเปิดกว้าง โดยมองเห็นเป็นจุดๆบนใบหน้าที่เกิดจากการขับไขมันออกมาตามรูขุมขนมากตลอดเวลา และมักพบการเกิดของขนอ่อนภายในรูขุมขน สาเหตุมักพบได้จากหลายปัจจัย เช่น ผู้ที่มีผิวมัน การสูบบุหรี่ เป็นต้น

7. ริ้วรอย (Wrinkle)
เป็นปัญหาผิวพรรณที่พบมากเมื่ออายุมากขึ้น และเป็นปัญหาที่ทำให้คนส่วนมากกังวลมากที่สุด โดยมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวตามวัย และการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่น รอยตีนกา รอยย่นบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา เป็นต้น

การรักษาริ้วรอยโดยทั่วไปมักใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และชะลอการเกิดริ้วรอย รวมถึงการรักษาด้วยนวัตกรรมด้านความงาม เช่น การผ่าตัด การฉีดสารเติมเต็ม การทำเลเซอร์ เป็นต้น

8. ฝ้า (Melasma)
ฝ้า (Melasma) เป็นลักษณะปัญหาผิวพรรณที่เกิดบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง หน้าผาก จมูก กลางใบหน้า และเหนือริมฝีปาก มีลักษณะเป็นแผ่นสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลเข้มจากการสร้างเม็ดสีของเซลล์ใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติทำให้เกิดเม็ดสีบริเวณชั้นบนของผิวหนังเป็นจำนวนมากจึงพบเป็นแผ่นสีดังกล่าว

ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าที่สำคัญ ได้แก่ ฮอร์โมนทั้งของร่างกาย และการได้รับจากยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด เครื่องสำอางค์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีแสงอัลตร้าไวโอเลตที่เป็นสาเหตุสำคัญในการกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีมากขึ้น

การรักษาอาจใช้วิธีการใช้ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี การลอกฝ้า การเร่งการผลัดเซลล์ผิว และการใช้เลเซอร์

การป้องกันสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงจากแสงแดด การใช้ครีมป้องกันแสงแดด การใช้ยาบางชนิดที่มีฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด รวมถึงเครื่องสำอางที่มีสารสเตียรอยด์

9. กระ (Freckles)
กระเป็นปัญหาผิวพรรณที่มีลักษณะของแผ่นเม็ดสีคล้ายกับฝ้า แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
– กระเนื้อ (Seborrheic) เป็นลักษณะของเนื้อนูนขึ้นมาจากผิวทั่วไป มีลักษณะไม่เรียบ สามมารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากสัมผัสกับแสงแดดก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น
– กระแดด (Freckles) เป็นกระที่เกิดจากสาเหตุของแสงแดดเป็นหลัก นอกจากนั้นยังมีฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้นทำให้ปริมาณกระเพิ่มขึ้นด้วย

การรักษา และการป้องกันกระใช้แนวทางเดียวกันกับการรักษา และป้องกันฝ้า

 10. ปัญหาเส้นผม (Hair) และรังแค (Dandruff)
เป็นปัญหาที่เกิดบริเวณหนังศรีษะ พบมากในวัยรุ่น สาเหตุเกิดจากเชื้อราที่อาศัยตามรูขุมขนเพื่อกินไขมันที่ขับออกมา อาการที่พบมักเป็นสะเก็ดหรือขุยสีขาวขนาดเล็ก ร่วมด้วยกับอาการคัน

การรักษารังแคโดยทั่วไปจะใช้แชมพูสระผมที่มีตัวยาสำคัญ คือ ซีลีเนียมซัลไฟด์ ซิงค์ไพริไทออน โคลทาร์ และคีโตโคนาโซล ซึ่งมีฤทธิ์สามารถฆ่าเชื้อราได้

ปัญหาผมร่วงถือเป็นปัญหาหนึ่งที่ผู้ชายมีความกังวลมากมากกว่าผู้หญิง อันมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม และสารเคมี การรักษาผมร่วงอาจรักษาด้วยการใช้ยา Finasteride เพื่อช่วยลดระดับฮอร์โมน Dihydro testosterone ชะลอการร่วงของผม รวมไปถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายเซลล์ผมใหม่

11. ปัญหาเซลลูไลท์ (Cellulite)
เป็นปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากการสะสมของเซลล์ไขมันบนชั้นผิวหนังมากกว่าปกติจนทำให้ผิวมีลักษณะขรุขระคล้ายเปลือกส้มหรือเป็นก้อนนูน ผิวไม่เรียบเนียน พบมากบริเวณสะโพก ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และก้น

การักษาเซลลูไลท์สามารถทำได้ด้วยการกำจัดเซลลูไลท์ส่วนเกินออกด้วยวิธีต่างๆ อาทิ การผ่าตัด การฉีดสารต้านเซลลูไลท์ เป็นต้น ร่วมด้วยกับการปฏิบัติตนเพื่อลดปริมาณเซลลูไลท์ เช่น การออกกำลังกาย การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทไขมันสูง เป็นต้น