เอดส์สามารถแพร่ผ่านทางใดได้บ้าง
ตอบ : ทางน้ำอสุจิ น้ำเหลือง น้ำในช่องคลอด ทางเพศสัมพันธ์ หรือใช้อุปกรณ์มีคมร่วมกับผู้ติดเชื้อ เช่น เข็มขีดยา มีดโกน เป็นต้น
พฤติกรรมใดบ้างที่ไม่เสี่ยงต่อการติดเอดส์
ตอบ :
1. การจูบหรือทางน้ำลาย ซึ่งเชื้อเอดส์ไม่สามารถแพร่ผ่านทางน้ำลายได้ เพราะน้ำลายมีสภาพไม่เหมาะสมกับการอาศัยอยู่ของเชื้อ HIV แต่ทั้งนี้ยังไม่เคยมีรายงานหรือการศึกษาที่แน่ชัดว่าน้ำลายสามารถแพร่เชื้อ เอดส์ได้ไหม
2. การใช้ห้องน้ำ อาบน้ำในสระว่ายน้ำหรือใช้อ่างน้ำร่วมกัน
3. การไอการจาม เพราะเชื้อเอดส์เมื่อออกมาสู่ภายนอกจะไม่สามารถทนอยู่ในสภาวะแวดล้อมได้
4. การจับมือ การสัมผัส การกอด ซึ่งเอดส์ไม่สามารถแพร่ติดกันได้ หากให้ระวังอย่าให้บริเวณมีแผลสัมผัสกัน
5. การรับประทานอาหารหรือการดื่มน้ำร่วมภาชนะเดียวกัน
6. แมลงกัดต่อยหรือสัตว์พาหนะต่างๆ เช่น ยุง ไร เห็บ มัด สัตว์พาหะต่างๆไม่สามารถเป็นพาหะนำเชื้อเอดส์มาสู่คนได้ เพราะเชื้อเอดส์ไม่สามารถอาศัยสัตว์พาหะเหล่านี้ในการแพร่เชื้อหรือเจริญ เติบโตได้
หากต้องการรู้ว่าตนเองติดเอดส์หรือไม่ต้องทำอย่างไร
ตอบ : การที่จะทราบได้ว่าตัวเรานั้นติดเอดส์หรือไม่ มีเพียงวิธีการเดียวครับ คือ การตรวจเลือดหาเชื้อเอดส์ โดยทั่วไปสามารถตรวจพบได้หลังจาก 3-6 เดือนแล้ว หลังมีการติดเชื้อหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
หากตรวจเลือดพบว่าตนเองติดเชื้อแล้วคนอื่นจะทราบหรือไม่
ตอบ : การตรวจเลือดหาการติดเชื้อ สามารถตรวจได้ตามโรคพยาบาลใหญ่ ซึ่งจะมีห้องปฏิบัติการเฉพาะในการตรวจหาเชื้อเอดส์ โดยทั่วไปสถานพยาลใหญ่ๆจะมีหน่วยงานที่ เรียกว่า คลินิกนิรนาม ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องแจ้งชื่อหรือจะถูกเรียกว่า คนไข้นิรนาม หลังจากการตรวจเราจะได้รับผลแจ้งให้ทราบ โดยขอมูลนี้ไม่มีใครทราบนอกจากตัวเราเท่านั้น
เชื้อเอดส์เมื่ออยู่ในร่างกายเราแล้วจะอยู่ได้นานเท่าใด
ตอบ : เชื้อเอดส์สามารถอยู่ในร่างกายคนเราตราบชั่วที่เรามีชีวิตอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นการป่วยด้วยโรคเอดส์ แต่หากเชื้อออกมาอยู่นอกร่างกาย เชื้อจะตายภายในไม่กี่นาที
การมีพฤติกรรมสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วยมือจะมีโอกาสติดเชื้อไหม
ตอบ : การมีพฤติกรรมทางเพศกับผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ด้วยมือ หรือมีการสัมผัสกับน้ำคัดหลั่ง เชื้อไม่สามารถติดต่อมาสู่เราได้ เว้นแต่จุดสัมผัสมีบาดแผล
หากมีน้ำคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อเอดส์เข้าสีร่างกายทางปากขณะมีเพศสัมพันธ์จะมีโอกาสติดเชื้อไหม
ตอบ : น้ำคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อจะมีปริมาณเชื้อมาก หากมีการเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าทางใดย่อมมีโอกาสที่เชื้อจะแทรกซึมผ่านเนื้อ เยื่อเข้าสู่ระบบเลือดได้ง่าย
ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ผู้ติดเอดส์มีอายุสั้นกว่าปกติ
ตอบ : พฤติกรรมของผู้ติดเอดส์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ระยะ เอดส์เต็มขั้นเกิดขึ้นได้เร็วกว่าปกติ ได้แก่ การเสพสิ่งเสพติด การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ความเครียด การทำงานหนัก การได้รับสารเคมีหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นต้น
คนที่ติดเชื้อเอดส์มักเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด
ตอบ : การเสียชีวิตขอผู้ติดเชื้อเอดส์เกิดจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่มักเกิดมาก ได้แก่ โรคมะเร็ง วัณโรค โรคปอดบวม ปอดอักเสบติดเชื้อ เป็นต้น
มีน้ำยาหรือสารเคมีที่ใช้ฆ่าเชื้อเอดส์ได้ไหม
ตอบ :
– โซดียม ไฮโปคลอไรด์ 0.1 – 0.5 % แช่นาน 15-30 นาที
– แอลกอฮอล์ ความเข้มข้นตั่งแต่ 25-95% แช่นาน 15-30 นาที
– ไอโซโปรบิล ความเข้มข้นตั่งแต่ 35-70% แช่นาน 15-30 นาที
– ทิงเจอร์ไอโอดีน แช่นาน 15-30 นาที
– ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้นตั่งแต่ 3-6% แช่นาน 15-30 นาที
– ฟอร์มาลีน ความเข้มข้นตั่งแต่ 2-4% แช่นาน 15-30 นาที
– กลูตาอัลดีไฮด์ แช่นาน 15-30 นาที
– ไดโซล ความเข้มข้นตั่งแต่ 0.5-3% แช่นาน 15-30 นาที
– ฟีนอล ความเข้มข้นตั่งแต่ 5% แช่นาน 15-30นาที
– โซเดียมไฮดรอกไซด์ 5 % แช่นาน 15-30 นาที
– น้ำร้อนตั่งแต่ 40 องศาเซลเซียส นาน 10-20 นาที
– น้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาด นาน 30 นาที
มียาที่รักษาโรคเอดส์ให้หายขาดหรือยัง
ตอบ : ปัจจุบันยังไม่พบยาที่สามารถรักษาโรคเอดส์ได้อย่าง หายขาด โดยมีพียงยาที่ใช้ในการต้านการเพิ่มปริมาณของเชื้อในร่างกาย และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเท่านั้น ซึ่งมีขายในต่างประเทศแถวยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีราคาแพงมาก เช่น ยา AZT และ VIDEX (ddI) แต่ทั้งนี้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ และนักการแพทย์กำลังศึกษาหาตัวยาที่ช่วยรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้อย่างต่อ เนื่อง ซึ่งอนาคตคงจะมีโอกาสพบยาที่รักษาได้
มีพืชสมุนไพรใดบ้างไหมที่รักษาโรคเอดส์หรือช่วยในต้านเชื้อให้มีอายุเพิ่มมากขึ้น
ตอบ : ปัจจุบันมีการทดลองในสถาบันวิทยาศาสตร์มากมายทั่ว โลกเกี่ยวกับสมุนไพร และมีรายงานผลถึงสมุนไพรชนิดต่างๆที่สามารถฆ่าเชื้อเอดส์ได้ในห้องปฏิบัติ การ แต่ก็ยังไม่มีรายงานการทดลองกับคนที่ติดเชื้อเอดส์ได้ผลสำเร็จ