โรคผิวหนัง (Skin Disease) หมายถึง โรคที่ทำให้ลักษณะของผิวหนังมีผื่น ตุ่ม วงด่างขาว หรือเป็นก้อนขึ้นตามร่างกาย สามารถมองเห็นได้ชัดเจน อาจมีอาการปวดหรือคันร่วมด้วย สาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ การติดเชื้อ การใช้ยา ปรสิต อาการแพ้หรือเกี่ยวข้องกับภูมิแพ้ เป็นต้น โรคชนิดนี้ถือเป็นโรคที่ไม่รุนแรง มักพบเกิดขึ้นทั้งในส่วนของหนังกำพร้า (Epidermis) และหนังแท้ (Dermis) บางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ โรคผิวหนังบางชนิดมีลักษณะอาการคล้ายคลึงกัน แต่มีสาเหตุต่างกัน เช่น โรคผิวหนังอักเสบจะมีลักษณะเหมือนโรคผิวหนังที่เกิดจากภูมิแพ้ แต่เกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน
สาเหตุของโรคผิวหนัง มักพบมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่
1. ความผิดปกติของฮอร์โมน การอุดตันหรืออักเสบติดเชื้อของรูขุมขน ได้แก่
– สิว
2. โรคผิวหนังที่เกิดจากการการใช้ยา เครื่องสำอางค์ รังสี และแสงแดด ได้แก่
– กะ
– ฝ้า
3. โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่
– ฝี
4. โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ได้แก่
– โรคเอดส์
– โรคเริม
– โรคงูสวัด
– โรคอีสุกอีใส
– โรคหัดเยอรมัน
– โรคหูด
5. โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อรา ได้แก่
– กลาก
– เกลื้อน
– โรคน้ำกัดเท้าหรือฮ่องกงฟุต
– รังแคหรือเชื้อราที่หนังศรีษะ
– เชื้อราที่เล็บ
6. โรคผิวหนังที่เกิดจากอาการแพ้หรือภูมิแพ้
– ผื่นจากการแพ้เกสรดอกไม้
– ผื่นจากการแพ้ขนสัตว์
– ผื่นจากการแพ้อาหาร
– ผื่นจากการแพ้ยา
7. โรคผิวหนังที่เกิดจาการขาดสารอาหาร ได้แก่
– โรคผิวหนังขาดวิตามิน บี 3
8. โรคผิวหนังที่เกิดจากพันธุกรรมหรือความผิดปกติขณะตั้งครรภ์ ได้แก่
– ไฝ
– ปาน
9. โรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังหรือเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
– โรคสเก็ดเงิน
– ตาปลา
อาการของโรคผิวหนัง
อาการของโรคผิวหนังจะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับชนิด และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค แต่โดยทั่วไปมักพบมีอาการเป็นผื่นแดง เป็นจุดหรือเป็นวง เป็นแผ่น เป็นตุ่มนูน เป็นตุ่มพอง และเป็นแผล โรคผิวหนังบางชนิดเกิดขึ้นถึงชั้นหนังแท้ทำให้เลือดไหลออก ซึ่งผู็ป่วยโรคผิวหนังมักพบอาการแสบ คัน และเจ็บบริเวณทีเกิดรอยแดง ตุ่มหรือแผล
การรักษา
การรักษาโรคผิวหนังมีหลากหลายแนวทางขึ้นอยู่กับโรค และสาเหตุของการเกิดโรค บางชนิดสามารถรักษาให้หายได้ เช่น โรคขาดวิตามิน บี 3 กลาก เกลื้อน เป็นต้น บางชนิดไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น โรคผิวหนังที่เกิดจากโรคเอดส์ เป็นต้น